ชื่อสมุนไพร คนทา ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น กะลันทา, สีฟันคนทา, สีฟัน (ภาคกลาง), หนามจี้, จี้หนาม, จี้, ขี้ตำตา (ภาคเหนือ), โกทา, หนามโกทา (ภาคอีกสาน), สีเดาะ (ตาก), มีชี, มีซี (กะเหรี่ยง) ชื่อวิทยาศาสตร์ Harrisonia perforata (Blanco) Merr. ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Harrisoniabenetti Hook. วงศ์ Simaroubaceae
คนทา งานวิจัยและสรรพคุณ 16 ข้อ
ชื่อสมุนไพร คนทา
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น กะลันทา, สีฟันคนทา, สีฟัน (ภาคกลาง), หนามจี้, จี้หนาม, จี้, ขี้ตำตา (ภาคเหนือ), โกทา, หนามโกทา (ภาคอีกสาน), สีเดาะ (ตาก), มีชี, มีซี (กะเหรี่ยง)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Harrisonia perforata (Blanco) Merr.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Harrisoniabenetti Hook.
วงศ์ Simaroubaceae
ถิ่นกำเนิดคนทา
คนทาเป็นพรรณไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของทวีปเอเชียบริเวณตั้งแต่ทางตอนใต้ของจีน จนถึงคาบสมุทรอินโดจีน แล้วจึงมีการกระจายพันธุ์ไปยังเขตร้อนอื่นๆ ของโลก เช่น เอเชียใต้ แอฟริกา และอเมริกาใต้ เป็นต้น ส่วนในประเทศไทยพบมากทางภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งนี้คนทา เป็นพรรณไม้ที่พบในป่าเป็นส่วนใหญ่ และไม่ค่อยได้รับความนิยมที่จะทำมาปลูกไว้ในบ้าน โดยจะพบมากในป่าเขาหินปูน ป่าผลัดใบ และตามป่าละเมาะทั่วไปที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 900 เมตร
ประโยชน์และสรรพคุณคนทา
มีการนำคนทา มาใช้ตามภูมิปัญญาท้องถิ่นตามภาคต่างๆ ของไทย เช่น มีกานำผลของคนทามาหมกไฟ แล้วทุบเอาน้ำที่ได้มาทาเท้า ช่วยป้องกันโรคน้ำกัดเท้าตอนทำนา หรือ นำผลคนทามาใช้ทำสีสำหรับย้อมผ้า ซึ่งจะให้สีเทาอมม่วง ส่วนกิ่งก้านนั้น ในอดีตมีการนำมาใช้ทำเป็นแปรงสีฟัน สำหรับใช้แปรงฟัน นอกจากนี้เนื้อไม้ของคนทายังสามารถนำไปใช้ทำเครื่องมือ เครื่องใช้ในครัวเรือนได้ เช่น ด้ามมืด ด้ามขวาน คานหาบน้ำ ด้ามจอบ ด้ามเสียม เป็นต้น
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
ใช้แก้ไข้ กระทุ้งพิษ แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้ท้องร่วง แก้บิด แก้น้ำเหลืองเสีย แก้โรคตา ขับลม โดยใช้รากของคนทา มาต้มกันน้ำดื่ม เช้า-เย็น ใช้ฟอกเลือด แก้ท้องร่วง แก้โรคเกี่ยวกับลำไส้ โดยใช้เปลือกต้น หรือ รากอ่อน ต้มกับน้ำดื่ม เช้า-เย็น ใช้แก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย โดยใช้ดอกสด มาขยี้ทาบริเวณที่ถูกพิษของแมลงต่างๆ ส่วนในตำรับยา 5 ราก (ยาเบญจโลกวิเชียร) ที่มีคนทาเป็นส่วนประกอบ ควรใช้ดังนี้ เด็กอายุ 6-12 ปี รับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัม – 1 กรัม ละลายน้ำสุก วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร เมื่อมีอาการผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 1-1.5 กรัม วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหารหรือเมื่อมีอาการ
ลักษณะทั่วไปของคนทา
คนทา จัดเป็นไม้พุ่มที่มีเถาเลื้อยเกาะ ลำต้นขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 8-12 ซม. สูงได้ 2-8 เมตร เปลือกต้น และกิ่งก้านเป็นสีน้ำตาลมีหนามแหลม และแข็ง ใบเป็นใบประกอบเรียงสลับกันแบบขนนก โดยก้านจะแผ่ออกเป็นแบบปีก และใน 1 ก้าน จะมีใบย่อยประมาณ 9-15 ใบ ซึ่งใบเมื่อยังอ่อนจะมีสีแดงอมม่วงจากนั้นจะเป็นสีเขียวเมื่อแก่ส่วนลักษณะใบจะเป็นรูปไข่ หรือ รูปรีขอบใบหยัก กว้าง 1-2 ซม. ยาว 2-3 ซม. ดอกจะออกเป็นช่อบริเวณซอกใบใกล้ปลายกิ่ง โดยใน 1 ช่อดอก จะมีดอกย่อย ขนาด 5-6 มิลลิเมตร อยู่หลายดอก ซึ่งดอกย่อยมีกลีบดอก 4-5 กลีบเป็นลักษณะ กลีบดอกแบบขอบขนาน กลีบข้างนอกเป็นสีม่วงอมแดง ด้านในเป็นสีขาวนวล ผลเป็นทรงกลม ฉ่ำน้ำ ผลเรียง และแข็งมีรถขม และเป็นสีเขียวอ่อน โดยแต่ละผลจะมีเมล็ด 1 เมล็ด มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลแข็ง มีขนาดประมาณ 1-2 เซนติเมตร
การขยายพันธุ์คนทา
คนทาสามารถขยายพันธุ์ได้โดยการใช้เมล็ด ซึ่งวิธีการขยายพันธุ์ต้นคนทา นั้นสามารถทำได้ เช่นเดียวกันกับการขยายพันธุ์พรรณไม้ชนิดอื่นๆ ที่ได้กล่าวมาแล้วในบทความก่อนหน้าที่ ทั้งนี้คนทาเป็นพรรณไม้ที่ไม่ได้รับความนิยมที่จะนำมาปลูกตามบริเวณบ้าน หรือ บริเวณตามไร่นาเพราะเป็นพรรณไม้ที่มีหนาม และต้องเลื้อยเกาะพัน ต้นไม้อื่นๆ ดังนั้นการขยายพันธุ์ (แพร่กระจายพันธุ์) ส่วนมากจึงเป็นการขยายพันธุ์ ทางธรรมชาติเสียมากกว่า
องค์ประกอบทางเคมีคนทา
มีการศึกษาวิจัยองค์ประกอบทางเคมีของรากคนทา พบว่า สามารถแยกสารได้ 4 ชนิด คือ perforaticacid,heteropeucenin-7-methyl ether, สารกลุ่มสเตอร์รอยด์ เช่น stigmasterol,beta-sitosterol, campesterol และสารผสมของ beta–sitosteryl-3-Oglucopyranoside,chloresteryl-3-O-glucopyranoside,stigmasteryl-3-O-glucopyranoside
ที่มา : Wikipedia
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาวิจัยอีกฉบับหนึ่งระบุไว้ว่า เมื่อแยก และหาสูตรโครงสร้างของสารประกอบจากรากคนทา พบสาร 2-hydroxymethyl-3-methylalloptaeroxylin และสารประกอบอื่นๆ เช่น heteropeucenin-7-methylether, perforarotic acid, harperfolide, lupeol เป็นต้น
การศึกษาทางเภสัชวิทยาของคนทา
ฤทธิ์ต้านการอักเสบ มีการศึกษาฤทธิ์ต้านการอักเสบของสารสกัดเอทานอลจากรากคนทา แบ่งเป็นการทดสอบในสัตว์ทดลอง และทดสอบในหลอดทดลอง สำหรับการศึกษาในสัตว์ทดลอง ทำการศึกษาฤทธิ์ลดการบวมเฉียบพลันที่อุ้งเท้าหนูขาว หลังจากฉีด carrageenan ที่เวลา 1, 2, 3, 4, 5 และ 6 ชั่วโมง โดยใช้หนูเพศผู้สายพันธุ์วิสตาร์ ให้สารสกัดคนทาในขนาด 5-400 mg/kg เปรียบเทียบกับยามาตรฐาน indomethacin 5 mg/kg การทดสอบในหลอดทดลอง ดูผลการแสดงออกของ mRNA expression ของสารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการอักเสบ ได้แก่ TNF- α, IL-6 และ IL-1β ศึกษาในเซลล์แมคโครฟาจ J774A.1 ของหนู ที่ถูกเหนี่ยวนำการอักเสบด้วย Lipopolysaccharide (LPS) โดยให้สารสกัดจากรากคนทา ในขนาด12.5-50 μg/ml วิเคราะห์ผลด้วยเครื่อง real-time RT-PCR ผลการทดสอบพบว่าสารสกัดขนาด 50, 100, 200 และ 400 mg/kg สามารถลดการอักเสบได้ที่เวลา 2 ชม. หลังฉีดคาราจีแนน โดยลดการบวมที่อุ้งเท้าหนูได้ 28.49, 31.18, 47.85 และ 65.05% ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับยามาตรฐาน Indomethacin ขนาด 5 mg/kg ลดการบวมได้ 37.10% และผลลดการแสดงออกของ mRNA ของสารในกระบวนการอักเสบ หรือ proinflammatory cytokines พบว่าสารสกัดขนาด 50 μg/ml สามารถยับยั้ง TNF-α และ IL-1β ได้เท่ากับ 49.83±3.77 และ 47.27±3.77% ตามลำดับ แต่การยับยั้ง IL-6 จะใช้สารสกัดขนาด 12.5 และ 25 μg/ml ยับยั้งได้ 43.93±5.65% เมื่อเปรียบเทียบกับสารมาตรฐาน dexamethasone ขนาด 10 μM ยับยั้ง TNF-α, IL-1β และ IL-6 mRNA expression ได้เท่ากับ 30.06±4.09%, 77.96±2.09% และ 89.44±0.54% ตามลำดับ
ส่วนการศึกษาวิจัยในหลอดทดลองพบว่า สารบริสุทธิ์ที่แยกได้จากผล และรากคนทา คือ harperfolide ออกฤทธิ์แรงในการต้านการอักเสบในหลอดทดลอง โดยยับยั้งการสร้าง nitric oxide (NO) เมื่อทดสอบโดยใช้เซลล์แมคโครฟาจของหนูที่ถูกกระตุ้นการอักเสบด้วย LPS โดยมีค่า IC50 เท่ากับ 6.51±2.10 µM โดยมีผลลดการแสดงออกของ iNOS protein ที่ทำหน้าที่สร้างสารในกระบวนการอักเสบ คือ ไนตริกออกไซด์ โดยเปรียบเทียบกับสารมาตรฐาน indomethacin ค่า IC50 เท่ากับ 28.42±3.51 µM และสารสกัดรากคนทา ด้วยเอทานอล ยังมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้าง nitric oxide (NO) ในหลอดทดลอง โดยมีการทำการทดสอบโดยใช้ LPS กระตุ้นให้เกิดการอักเสบในเซลล์แมคโครฟาจของหนู โดยสารสกัดขนาด 50 μg/ml ยับยั้งการสร้าง NO โดยมีค่า IC50 เท่ากับ 23.14 μg/ml ออกฤทธิ์ได้ดีกว่าสารมาตรฐาน dexamethasone ผลการทดสอบสารสกัดจากรากคนทาในการลดการแสดงออกของ mRNA ของเอนไซม์ cyclooxygenase-2 (COX-2) ซึ่ง COX-2 เป็นเอนไซม์ที่ใช้ในการสร้าง prostaglandin ในกระบวนการอักเสบ พบว่าสารสกัดที่ความเข้มข้น 50 μg/ml ลดการแสดงออกของ COX-2 ได้ดีกว่าสารมาตรฐาน dexamethasone (10 µM) และสารสกัดที่ความเข้มข้น 25 และ 50 μg/ml ลดการแสดงออกของ iNOS ได้ดีกว่าสารมาตรฐาน dexamethasone (10 µM) โดยสรุปสารสกัดรากคนทาด้วยเอทานอลมีผลลดการอักเสบ และลดไข้ได้ เนื่องจากสามารถยับยั้ง iNOS และ COX-2 ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ใช้ในการสร้างสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ และเกิดไข้ ได้แก่ NO และ PGE2 ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีผลการศึกษาวิจัยฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของรากคนทาในต่างประเทศอีกหลายฉบับ โดยระบุผลการศึกษาวิจัยดังกล่าว เช่น มีฤทธิ์ต้านเชื้อมาลาเรีย (P.falciparum) มีฤทธิ์ต้านอีสตามีน เป็นต้น
การศึกษาพิษวิทยาของคนทา
มีการศึกษาทางพิษวิทยาของสารสกัดจากรากและลำต้นของคนทา โดยการกรอกเข้าทางปาก และการฉีดใต้ผิวหนังให้แก่หนู ถีบจักร พบว่าเมื่อกรอกสารสกัดทางปากในขนาด 10 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม (เปรียบเทียบกับการรักษาในคน 50,000 เท่า) ไม่พบความเป็นพิษ และเมื่อฉีดสารสกัดใต้ผิวหนังในขนาด 10 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ก็ไม่พบอาการเป็นพิษเช่นเดียวกัน
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
ในการใช้ยา 5 ราก (ยาเบญจโลกวิเชียร) ที่มีรากคนทา เป็นส่วนประกอบควรระมัดระวังในการใช้ดังนี้
เอกสารอ้างอิง คนทา