ชื่อสมุนไพร เตย ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น ใบเตย, เตยหอม, ต้นเตย, เตยหอมใหญ่, เตยหอมเล็ก (ภาคกลาง), หวานข้าวใหม่ (ภาคเหนือ), ปาแนะวอวิง, ปาแง๊ะออริง (นราธิวาส, มาเลเซีย), พังลั้ง (จีน) ชื่อวิทยาศาสตร์ Pandanus amaryllifolius Roxb. ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Pandanus ordorus Ridl. ชื่อสามัญ Pandanus Palm, Fragrant Pandan, Pandom wangi. วงศ์ Pandanaceae
ชื่อสมุนไพร เตย
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น ใบเตย, เตยหอม, ต้นเตย, เตยหอมใหญ่, เตยหอมเล็ก (ภาคกลาง), หวานข้าวใหม่ (ภาคเหนือ), ปาแนะวอวิง, ปาแง๊ะออริง (นราธิวาส, มาเลเซีย), พังลั้ง (จีน)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Pandanus amaryllifolius Roxb.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Pandanus ordorus Ridl.
ชื่อสามัญ Pandanus Palm, Fragrant Pandan, Pandom wangi.
วงศ์ Pandanaceae
ถิ่นกำเนิดเตย
เตยเป็นพืชที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว เพราะได้นำมาใช้ประโยชน์ต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะส่วนของใบที่เราเรียกว่า ใบเตย จึงทำให้เรียกพืชชนิดนี้ติดปากกันมาจนถึงปัจจุบันว่า “ใบเตย ” สำหรับถิ่นกำเนิดของเตยนั้น เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อาทิ ไทย พม่า ลาว มาเลเซีย และประเทศอินเดีย รวมถึงทวีปอื่น เช่น แอฟริกา และออสเตรเลีย ชอบขึ้นตามพื้นที่ชุ่ม ริมลำน้ำ หรือ บริเวณที่ชื้นแฉะที่มีน้ำขังเล็กน้อย ในประเทศไทยสามารถพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศ
ประโยชน์และสรรพคุณเตย
ใบเตย นำมาห่อทำขนมหวาน เช่น ขนมตะโก้ ใบนำมามัดรวมกัน ใช้สำหรับวางในห้องน้ำ ห้องรับแขกเพื่อให้อากาศมีกลิ่นหอม ช่วยในการดับกลิ่น หรือ ใช้ใบเตยสดนำมายัดหมอน ช่วยให้มีกลิ่นหอม นำมาใช้เป็นสารแต่งกลิ่นบุหรี่ นำมาสับเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปตากแดดให้แห้ง ก่อนใช้ชงเป็นชาดื่ม น้ำมันหอมระเหยจากเตย นำไปเป็นส่วนผสมของน้ำยาปรับอากาศ ใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง ครีมทาผิว แชมพู สบู่ หรือ ครีมนวด เป็นต้น
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
ลักษณะทั่วไปของเตย
เตยจัด เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว มีลำต้นทรงกลม และเป็นข้อสั้นๆถี่กัน โผล่ขึ้นมาจากดินเพียงเล็กน้อย โคนลำต้นแตกรากแขนงออกเป็นรากค้ำจุน หรือ เรียกว่า รากอากาศ ลำต้นสามารถแตกหน่อเป็นต้นใหม่ได้ ทำให้มองเป็นกอ หรือ เป็นพุ่มใหญ่ๆ ที่รวมความสูงของใบแล้วสามารถสูงได้มากกว่า 1 เมตร
ใบเตย แตกออกเป็นใบเดี่ยวด้านข้างรอบลำต้น และเรียงสลับวนเป็นเกลียวขึ้นตามความสูงของลำต้น จนถึงขอด ใบมีลักษณะเรียวยาวเป็นรูปดาบ ปลายใบแหลม สีเขียวสด ใบชูเฉียงแนบไปกับลำต้น แผ่นใบเป็นมัน กว้างประมาณ 2-3 เซนติเมตร ยาวประมาณ 30-50 เซนติเมตร แผ่นใบ และขอบใบเรียบ แผ่นใบด้านล่างมีสีจางกว่าด้านบน มีเส้นกลางใบลึกเป็นแอ่งตื้นๆ ตรงกลาง ใบนี้ส่งกลิ่นหอมตลอดเวลา เพราะมีน้ำมันหอมระเหย และสาร ACPY
การขยายพันธุ์เตย
เตยสารมารถขยายพันธุ์ได้เองโดยการแตกหน่อ แต่ในปัจจุบันก็สามารถปลูกด้วยการแยกเหง้าหรือย้ายหน่อปลูกได้เช่นกัน ทั้งนี้ เตยสามารถขึ้นได้ดีในที่ชุ่ม และทนต่อสภาพดินชื้นแฉะได้ดี แต่ควรเลือกพื้นที่ปลูกไม่ให้น้ำท่วมขังง่าย โดยมีวิธีการดังนี้
การเตรียมแปลง แปลงปลูกเตย ควรไถแปลง และตากดินก่อน 5-10 วัน พร้อมกำจัดวัชพืชออกให้หมด ก่อนหว่านด้วยปุ๋ยคอก อัตรา 2 ตัน/ไร่ และปุ๋ยยูเรีย อัตรา 10 กิโลกรัม/ไร่ พร้อมไถกลบ
การปลูกเตย ควรปลูกในช่วงฤดูฝน เพราะดินจะชื้นดี ทำให้ต้นเตย ติด และตั้งตัวได้ง่าย ด้วยการขุดหลุมปลูกเป็นแถว ระยะหลุม และระยะแถวที่ 50 เซนติเมตร หรือ ที่ 30x50 เซนติเมตร ก่อนนำต้นพันธุ์เตยลงปลูก
หลังจากปลูกเตยเสร็จ ควรให้น้ำทันที แต่หากดินชื้นมากก็ไม่จำเป็นต้องให้ และให้น้ำเป็นประจำทุกๆ 7-10 วัน ขึ้นอยู่กับความชื้นดิน และฝนที่ตก
องค์ประกอบทางเคมี
จากการศึกษาทางเคมีของใบเตย พบว่ามีสาระสำคัญหลายชนิด เมื่อนำใบเตยหอมากลั่นด้วยไอน้ำจะได้สารหอมที่ประกอบด้วย แพนดานาไมน์ (Pandanamine) ไลนาลิลอะซีเตท (linalylacetate) เบนซิลอะซีเตท (benzyl acetate) ไลนาโลออน (linalool) และเจอรานิออล (geraniol) มีสารที่ทำให้มีกลิ่นหอม คือ คูมาริน (coumarin) และเอทิลวานิลลลิน (ethyl vanillin) สารคลอโรฟิลล์ (chlorophyll) ทำให้มีสีเขียวเบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene) และสารในกลุ่มแอนโทไซยานิน (anthocyanin) ซึ่งเป็นสารที่ออกฤทธิ์ที่สำคัญ
รูปภาพองค์ประกอบทางเคมีของเตย
นอกจากนี้ในส่วนของคุณค่าทางโภชนาการของเตย คุณค่าทางโภชนาการของใบเตยสดใน 100 กรัม
องค์ประกอบใบเตยสด
พลังงาน 35 กิโลแคลอรี่
ความชื้น 85.3 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 4.6 กรัม
โปรตีน 1.9 กรัม
ไขมัน 0.8 กรัม
เยื่อใย 5.2 กรัม
แคลเซียม 124 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 27 มิลลิกรัม
เหล็ก 0.1 มิลลิกรัม
วิตามิน บี 2 0.2 มิลลิกรัม
ไนอะซิน 1.2 มิลลิกรัม
วิตามิน ซี 8 มิลลิกรัม
เบ้ตา-แคโรทีน 2.987 ไมโครกรัม
การศึกษาทางเภสัชวิทยาของเตย
ใบเตย มีฤทธิ์ลดความดันโลหิต และลดอัตราการเต้นของหัวใจ เพิ่มความแรงในการหดตัว และลดอัตราการหดตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ ลดน้ำตาลในเลือด ลดไข้ ต้านอนุมูลอิสระและมีฤทธิ์ยับยั้งแบคทีเรีย Staphylococcus aureus, Staphylococcus epidermidis แต่ยังเป็นการทดลองในสัตว์ทดลอง และในหลอดทดลองเท่านั้น
การศึกษาทางพิษวิทยาของเตย
จากการสืบค้นข้อมูลในขณะนี้ ยังไม่มีรายงานความเป็นพิษ หรือ อาการไม่พึงประสงค์จากการรับประทานใบเตย
ข้อแนะนำและข้อความระวัง
เอกสารอ้างอิง เตย